ยุคของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน (Sir Alex Ferguson) ถือเป็นช่วงเวลาทองของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เต็มไปด้วยความสำเร็จทั้งในอังกฤษและยุโรป ความโดดเด่นของทีมในยุคนั้นไม่ใช่แค่เรื่องของนักเตะระดับตำนานเท่านั้น แต่ยังรวมถึง ระบบการเล่นและแท็กติก ที่ยืดหยุ่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว.

ช่วงปลายยุค 80s ถึงต้น 90s เฟอร์กูสันใช้ระบบ 4-4-2 คลาสสิก ที่เน้นการขึ้นเกมริมเส้นโดยมีปีกสองข้างที่เร็วและครอสแม่น เช่น ไรอัน กิ๊กส์, เดวิด เบ็คแฮม ส่วนแดนกลางใช้คู่หูอย่าง รอย คีน กับ พอล สโคลส์ คอยคุมเกมและเชื่อมบอล ส่วนคู่กองหน้า เช่น แอนดี้ โคล – ดไวท์ ยอร์ก หรือ รูนีย์ – ฟาน นิสเตลรอย จะเล่นประสานกันอย่างลงตัว เน้นการเคลื่อนที่และจบสกอร์เฉียบคม.

ในยุคหลัง (ประมาณปี 2006–2013) เฟอร์กูสันปรับมาใช้ระบบ 4-2-3-1 หรือ 4-3-3 เพื่อให้เข้ากับฟุตบอลสมัยใหม่ โดยมี คริสเตียโน่ โรนัลโด้, รูนีย์, และเตเวซ เป็นแนวรุกที่หมุนเวียนกันอย่างอิสระ และมีมิดฟิลด์อย่าง คาร์ริค หรือ สโคลส์ คอยคุมจังหวะเกม — จุดเด่นคือเกมบุกที่รวดเร็ว ดุดัน และการสวนกลับที่เฉียบขาดที่สุดในยุโรปช่วงนั้น.

สิ่งที่ทำให้แผนของเฟอร์กูสันต่างจากคนอื่นคือ ความยืดหยุ่น — เขาไม่เคยยึดติดกับระบบใดระบบหนึ่ง แต่ปรับตามผู้เล่นที่มีและคู่แข่งที่เจอเสมอ นี่คือเหตุผลที่ “ปีศาจแดง” ในยุคเซอร์เฟอร์กูสัน เป็นทีมที่เล่นได้หลากหลาย แกร่งทั้งเกมบุกและเกมรับ และยังคงถูกยกให้เป็นหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก.






แม้ไม่แพ้ใคร 5 นัด แต่แมนยูยังเสี่ยง! เกมรับ-มิดฟิลด์ตัวรับคือปัญหาใหญ่ 

ตำนาน "เซร์คิโอ รามอส" ผู้นำผู้ไม่เคยยอมแพ้ และกองหลังจอมโขกแห่งยุค 

🎉 สมัครสมาชิกวันนี้!

🌟 ลุ้นรับสิทธิพิเศษและร่วมสนุกกับกิจกรรมดีๆ มากมาย

📲 คลิกที่นี่เลย 👉 https://line.me/R/ti/p/@pz99  




Post a Comment

أحدث أقدم