ยุคแห่งเกเกนเพรสซิง เยอร์เกน คล็อปป์ และการสร้างมหาอำนาจดอร์ทมุนด์
เยอร์เกน คล็อปป์ เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีมโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ในปี 2008 และเริ่มต้นสร้าง "ทีมแห่งความฝัน" ด้วยปรัชญาฟุตบอลที่เน้นความดุดันและเร้าใจ หรือที่รู้จักกันในชื่อ "เกเกนเพรสซิง" เขาได้ผสานผู้เล่นดาวรุ่งที่เปี่ยมไปด้วยพลังงานและพรสวรรค์ เช่น มัตส์ ฮุมเมิลส์, เนเวน ซูโบติช, ชินจิ คางาวะ และมาริโอ เกิทเซ่ เข้ากับผู้เล่นประสบการณ์อย่าง เซบาสเตียน เคห์ล การสร้างทีมที่เน้นการวิ่ง การแย่งบอลคืนทันทีที่เสียบอล ทำให้ดอร์ทมุนด์กลายเป็นทีมที่เล่นฟุตบอลได้สนุกและมีเอกลักษณ์ที่สุดทีมหนึ่งในยุโรป
ความสำเร็จที่จับต้องได้เริ่มต้นในฤดูกาล 2010–11 เมื่อดอร์ทมุนด์ของคล็อปป์สามารถคว้าแชมป์บุนเดสลีกามาครองได้สำเร็จอย่างเหนือความคาดหมาย ถือเป็นการสิ้นสุดการรอคอยแชมป์ลีกที่ยาวนานถึง 9 ปีของสโมสร และในฤดูกาล 2011–12 พวกเขาก็ยังคงรักษามาตรฐานอันยอดเยี่ยมไว้ได้ และสามารถป้องกันแชมป์ลีกได้อีกสมัย สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์บุนเดสลีกา 2 ปีติดต่อกัน เป็นการตอกย้ำถึงความยิ่งใหญ่ในยุคทองของพวกเขา
ฤดูกาล 2011–12 ไม่ได้จบลงเพียงแค่การคว้าแชมป์ลีก แต่ดอร์ทมุนด์ยังคว้าแชมป์ เดเอ็ฟเบ-โพคาล มาครองได้อีกด้วย ทำให้สโมสรคว้า ดับเบิ้ลแชมป์ (แชมป์ลีกและแชมป์บอลถ้วย) เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร ไฮไลท์สำคัญคือการเอาชนะคู่ปรับตลอดกาลอย่างบาเยิร์น มิวนิค ในรอบชิงชนะเลิศโพคาลด้วยสกอร์ขาดลอยถึง 5-2 ซึ่งเป็นชัยชนะที่น่าจดจำและเป็นสัญลักษณ์ของการครองอำนาจเหนือคู่แข่งในช่วงเวลานั้น
แม้จะไม่สามารถคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ได้ แต่ดอร์ทมุนด์ในยุคคล็อปป์ก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจนผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ในปี 2013 ก่อนจะพ่ายให้กับบาเยิร์น มิวนิค ไปอย่างน่าเสียดาย ยุคของคล็อปป์สิ้นสุดลงในปี 2015 แต่เขาทิ้งมรดกสำคัญไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเอกลักษณ์ของทีมในด้านการเล่นฟุตบอลที่เร้าใจ การปลุกปั้นนักเตะระดับโลกหลายคน และการฟื้นฟูจิตวิญญาณของสโมสรให้กลับมาเป็นหนึ่งในทีมชั้นนำของยุโรปอย่างแท้จริง






แสดงความคิดเห็น