คู่ปรับตลอดกาล: ดอร์ทมุนด์กับสองความขัดแย้งแห่งเยอรมนี
คู่ปรับระดับชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์คือ บาเยิร์น มิวนิก การพบกันของสองสโมสรนี้ได้รับการขนานนามว่า "แดร์ คลาสสิเคอร์ ความเป็นคู่ปรับนี้ก่อตัวขึ้นจากความสำเร็จที่ก้าวขึ้นมาพร้อมกันในช่วงปลายยุค 90 และการแย่งชิงถ้วยแชมป์บุนเดสลีกาอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคหลังปี 2010 การปะทะกันของทั้งสองทีมเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อความเป็นที่หนึ่งของฟุตบอลเยอรมันและดึงดูดความสนใจจากทั่วโลก
อีกหนึ่งคู่ปรับที่สำคัญไม่แพ้กันในเชิงของอารมณ์และความเป็นท้องถิ่นคือ ชาลเก้ 04 การเจอกันของทั้งสองทีมถูกเรียกว่า "รูห์ร เดอร์บี้" เนื่องจากทั้งดอร์ทมุนด์และชาลเก้ตั้งอยู่ในแคว้นรูห์ร ซึ่งเป็นเขตอุตสาหกรรมหนักในเยอรมนี ความขัดแย้งนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าหนึ่งศตวรรษ และเต็มไปด้วยความคลั่งไคล้ทางอารมณ์ของแฟนบอล การพบกันของทั้งคู่จึงเป็นเกมที่เต็มไปด้วยความดุเดือดในสนาม และความภาคภูมิใจของชุมชนที่เดิมพันด้วยผลการแข่งขัน
ความตึงเครียดในเกม "แดร์ คลาสสิเคอร์" มักจะรุนแรงขึ้นเมื่อบาเยิร์น มิวนิก ดึงตัวผู้เล่นคนสำคัญของดอร์ทมุนด์ไปร่วมทีมอยู่เสมอ เช่น โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ หรือ มาริโอ เกิทเซ่ ซึ่งการกระทำเหล่านี้ถูกมองว่าเป็นการบั่นทอนความแข็งแกร่งของคู่แข่งโดยตรง นอกจากนี้ ทั้งสองทีมยังเป็นตัวแทนของความแตกต่างทางวัฒนธรรม โดยดอร์ทมุนด์เป็นสโมสรที่เน้นรากฐานจากชนชั้นแรงงาน ขณะที่บาเยิร์นเป็นตัวแทนของเมืองหลวงทางเศรษฐกิจที่มั่งคั่ง
การมีคู่ปรับสำคัญทั้งในระดับประเทศและระดับท้องถิ่นเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ การปะทะกับบาเยิร์น มิวนิกยังคงเป็นโอกาสที่ดอร์ทมุนด์จะพิสูจน์ตัวเองในเวทีระดับชาติ ส่วนการปะทะกับชาลเก้ 04 (แม้ชาลเก้จะตกชั้นไปบ้าง) ก็ยังคงเป็นเกมที่แฟนบอลท้องถิ่นต่างเฝ้ารอคอย เพราะเป็นนัดที่มอบความภาคภูมิใจที่แท้จริงให้กับชาว "กำแพงสีเหลือง" ในแคว้นรูห์รเสมอมา







แสดงความคิดเห็น