1. การมาถึงของไบรอัน คลัฟ
คลัฟเข้ามาคุมทีมในปี 1975 ตอนนั้นฟอเรสต์ยังอยู่ใน ดิวิชั่น 2 (ลีกรองของอังกฤษ) และไม่ได้ถูกมองว่าเป็นสโมสรใหญ่ แต่ด้วยสไตล์การทำทีมที่เด็ดขาด ตรงไปตรงมา และมุ่งเน้นการเล่นเป็นทีม คลัฟสามารถปลุกปั้นนักเตะโนเนมให้เล่นได้อย่างมีวินัยและเต็มไปด้วยความมั่นใจ
2. การเลื่อนชั้นและคว้าแชมป์ลีก
ภายในเวลาเพียง สองปี ฟอเรสต์ของคลัฟก็เลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกสูงสุด และในฤดูกาล 1977/78 พวกเขาสร้างปาฏิหาริย์ด้วยการคว้าแชมป์ ดิวิชั่น 1 (ปัจจุบันคือพรีเมียร์ลีก) ได้ทันทีในฤดูกาลแรกที่กลับขึ้นมา เป็นผลงานที่แฟนบอลอังกฤษแทบไม่เชื่อสายตา
3. ความสำเร็จในเวทียุโรป
หลังจากนั้น ความยิ่งใหญ่ก็ไม่ได้หยุดแค่ในประเทศ คลัฟพาฟอเรสต์คว้าแชมป์ ยูโรเปียน คัพ (ปัจจุบันคือยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก) ติดต่อกัน สองสมัย ในปี 1979 และ 1980 โดยการเอาชนะสโมสรยักษ์ใหญ่ของยุโรป ทั้งที่ก่อนหน้านี้ฟอเรสต์ไม่เคยถูกยกให้เป็นตัวเต็งเลยแม้แต่น้อย
4. ทีมเวิร์กและนักเตะสำคัญ
คลัฟและคู่หู ปีเตอร์ เทย์เลอร์ (Peter Taylor) มีสายตาในการเสริมทัพที่เฉียบคม พวกเขาดึงนักเตะอย่าง ปีเตอร์ ชิลตัน, จอห์น โรเบิร์ตสัน, มาร์ติน โอนีล, เทรเวอร์ ฟรานซิส (ผู้เล่นค่าตัว 1 ล้านปอนด์คนแรกของอังกฤษ) และปั้นนักเตะให้เล่นในระบบที่มีระเบียบและเข้าใจเกม ผลลัพธ์คือทีมเวิร์กที่แข็งแกร่งจนสามารถต่อกรกับทีมยักษ์ใหญ่ได้
5. มรดกและความทรงจำ
ยุคของคลัฟสิ้นสุดลงในช่วงต้นทศวรรษ 1990 แต่เขาได้ฝากมรดกไว้ว่า น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ คือสโมสรที่สามารถสร้างปาฏิหาริย์ด้วยการเล่นเป็นทีม ความสามัคคี และการบริหารที่เฉียบแหลม แม้ฟอเรสต์จะไม่ใช่ทีมใหญ่เสมอไป แต่ความสำเร็จในยุคไบรอัน คลัฟทำให้พวกเขากลายเป็น “ตำนาน” ในวงการฟุตบอลโลก







แสดงความคิดเห็น