ถ้าให้พูดถึงทีมที่แฟนบอลพรีเมียร์ลีกช่วงหลังๆ เริ่มรู้จักกันมากขึ้น หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อ เบรนท์ฟอร์ด โผล่มาแน่นอน ถึงจะไม่ได้เป็นทีมใหญ่หรือมีซูเปอร์สตาร์ให้หวือหวาเหมือนทีมดังๆ แต่ถ้าลองได้ดูเกมของทีมนี้แล้ว จะรู้เลยว่ามีเสน่ห์เฉพาะตัวแบบที่ใครก็ประมาทไม่ได้
และถ้าย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่ปีก่อน ฤดูกาล 2020/21 ถือว่าเป็นซีซั่นที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรนี้แบบไม่ต้องสงสัย เพราะมันคือปีที่ทีมเล็กๆ จากฝั่งตะวันตกของลอนดอน สร้างเรื่องราวโคตรพิเศษขึ้นมาได้สำเร็จ
ฤดูกาลนั้น เบรนท์ฟอร์ด ระเบิดฟอร์มโหดทั้งซีซั่น ไล่เก็บแต้มจากเกมสำคัญๆ ได้ต่อเนื่อง สไตล์การเล่นของทีมก็สนุกเร้าใจ เน้นเกมรุกเร็ว บุกมันส์ทุกจังหวะ ต่อบอลแม่น สวนกลับเฉียบ และยิงได้ค่อนข้างเฉียบขาด
ตลอดทั้งซีซั่น เบรนท์ฟอร์ดเคยขึ้นไปนั่งจ่าฝูงได้อยู่พักหนึ่ง ก่อนที่ช่วงท้ายจะเจออาการแผ่วให้เห็นบ้าง เลยต้องไปลุ้นตั๋วเลื่อนชั้นในรอบเพลย์ออฟแทน ซึ่งถ้าใครติดตามทีมนี้จะรู้ดีว่า เบรนท์ฟอร์ดคือ ทีมอาถรรพ์เพลย์ออฟ ที่เคยเล่นมา 9 ครั้ง แพ้รวดไม่เคยขึ้นได้สักที
แต่ปีนั้นทุกอย่างมันต่างออกไป…
ในรอบชิงชนะเลิศ เพลย์ออฟ นัดที่เวมบลีย์ เบรนท์ฟอร์ดเจอกับ สวอนซี ซิตี้ เกมนั้นโคตรตึงตั้งแต่ต้น แต่ทีมก็ไม่ทำให้แฟนผิดหวัง ไล่บดจนเอาชนะไปได้ 2-0 แบบสุดมันส์ พร้อมกับทำลายอาถรรพ์เพลย์ออฟที่หลอกหลอนทีมมานาน และคว้าตั๋วขึ้นพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร
บรรยากาศหลังเกมวันนั้นคือที่สุดจริงๆ แฟนบอลน้ำตาไหลทั้งสนาม ทุกคนรู้ดีว่านี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญของทีมเลยก็ว่าได้ เพราะมันคือการประกาศให้โลกรู้ว่า ทีมเล็กๆ อย่างเบรนท์ฟอร์ด ก็สามารถก้าวขึ้นมาอยู่บนเวทีใหญ่ได้เหมือนกัน
ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ เบรนท์ฟอร์ดก็ยังยืนอยู่ในพรีเมียร์ลีกได้แบบมั่นคง สร้างเกมสนุกๆ ให้ดูอยู่เสมอ แถมยังเคยมีช่วงที่ไปล้มทีมใหญ่มาได้หลายทีม จนแฟนบอลทีมอื่นต้องยกนิ้วให้
ฤดูกาล 2020/21 จึงไม่ใช่แค่ปีที่ทีมได้เลื่อนชั้น แต่มันคือปีที่แฟนบอลจำได้ไม่มีวันลืม เพราะมันคือฤดูกาลที่เปลี่ยนชีวิตทั้งทีม เปลี่ยนประวัติศาสตร์ทั้งสโมสร และเปลี่ยนภาพลักษณ์ของทีมนี้ไปตลอดกาล
إرسال تعليق