บัสบี้ เบ๊บส์  ตำนานแห่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และโศกนาฏกรรมมิวนิค 1958

หากเอ่ยถึงช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หนึ่งในนั้นต้องมีเรื่องราวของ "บัสบี้ เบ๊บส์" และเหตุการณ์อันเศร้าสลดที่มิวนิคในปี 1958 นี่คือเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความฝัน ความหวัง และความสูญเสีย แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างตำนานบทใหม่ของสโมสร

กำเนิดบัสบี้ เบ๊บส์

ย้อนกลับไปในช่วงทศวรรษที่ 1940 เซอร์ แมตต์ บัสบี้ ได้เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และมีแนวคิดที่แตกต่างจากทีมอื่นในยุคนั้น นั่นคือการสร้างทีมจากนักเตะเยาวชน เขาและทีมงาน โดยเฉพาะ จิมมี่ เมอร์ฟี ผู้ช่วยคนสำคัญ ได้ปลุกปั้นแข้งดาวรุ่งขึ้นมาประดับทีมชุดใหญ่แทนที่จะทุ่มเงินซื้อนักเตะที่มีชื่อเสียง

นักเตะกลุ่มนี้ถูกขนานนามว่า "บัสบี้ เบ๊บส์" พวกเขาเป็นนักเตะที่อายุน้อยแต่เต็มไปด้วยพรสวรรค์ และสามารถพาทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษได้ถึงสองสมัยติดต่อกันในฤดูกาล 1955–56 และ 1956–57 จุดเด่นของพวกเขาคือฟุตบอลเกมรุกที่รวดเร็ว ดุดัน และมีพลังของวัยหนุ่ม ซึ่งทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลายเป็นทีมที่น่าจับตามองมากที่สุดทีมหนึ่งของยุโรปในขณะนั้น

เส้นทางสู่ฟุตบอลยุโรป

ในช่วงเวลานั้น ฟุตบอลอังกฤษยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับการแข่งขันระดับทวีปมากนัก แต่แมตต์ บัสบี้ มีวิสัยทัศน์ไกล เขาต้องการให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นทีมที่ยิ่งใหญ่ในระดับยุโรป สโมสรจึงเข้าร่วมการแข่งขัน ยูโรเปียน คัพ (ปัจจุบันคือ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก) กลายเป็นทีมจากอังกฤษทีมแรกที่เข้าร่วมรายการนี้ และสามารถทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง

โศกนาฏกรรมมิวนิค 1958

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 1958 กลายเป็นวันที่มืดมนที่สุดวันหนึ่งในประวัติศาสตร์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากการแข่งขันยูโรเปียน คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ ที่ยูไนเต็ดเสมอกับ เร้ด สตาร์ เบลเกรด 3-3 และผ่านเข้ารอบต่อไป เครื่องบินที่พาทีมเดินทางกลับต้องแวะเติมเชื้อเพลิงที่สนามบินมิวนิค-รีม ประเทศเยอรมนี ท่ามกลางสภาพอากาศที่เลวร้าย

หลังจากพยายามนำเครื่องขึ้นบินถึงสองครั้งไม่สำเร็จ กัปตันตัดสินใจลองเป็นครั้งที่สาม แต่เครื่องบินไม่สามารถเร่งความเร็วได้เพียงพอและพุ่งชนรั้วสนามบินก่อนจะระเบิด ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 23 คน รวมถึงนักเตะ, เจ้าหน้าที่ทีม, ผู้สื่อข่าว และลูกเรือ นักเตะหลักของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องจากไปอย่างไม่มีวันกลับ 8 คน ซึ่งถือเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของวงการฟุตบอล

การฟื้นตัวของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

แม้จะเกิดเหตุการณ์สะเทือนใจ แต่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่เคยยอมแพ้ เซอร์ แมตต์ บัสบี้ ซึ่งรอดชีวิตจากเหตุการณ์แม้จะบาดเจ็บสาหัส ใช้เวลาฟื้นตัวก่อนกลับมาสร้างทีมขึ้นมาใหม่ ร่วมกับ จิมมี่ เมอร์ฟี ที่รับหน้าที่ดูแลทีมระหว่างที่บัสบี้พักฟื้น

เพียง 10 ปีหลังจากเหตุการณ์โศกนาฏกรรม ยูไนเต็ด สามารถกลับมาคว้าแชมป์ยูโรเปียน คัพ ได้สำเร็จในปี 1968 โดยบัสบี้เป็นผู้นำทีมลงสนามในรอบชิงชนะเลิศกับเบนฟิก้า นี่คือหลักฐานแห่งจิตวิญญาณอันแข็งแกร่งของสโมสรที่ไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตา

บทเรียนจากโศกนาฏกรรมและจิตวิญญาณแห่งปีศาจแดง

เรื่องราวของบัสบี้ เบ๊บส์ และโศกนาฏกรรมมิวนิคไม่ได้เป็นเพียงความทรงจำที่เศร้าโศก แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก้าวขึ้นมาเป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก สโมสรยังคงให้ความสำคัญกับการปลุกปั้นเยาวชน และคงไว้ซึ่งจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้แบบที่เคยแสดงให้เห็นในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดของพวกเขา

"ครั้งหนึ่ง เราเคยมีความฝัน แม้ความฝันนั้นจะพังทลาย แต่เราจะสร้างมันขึ้นมาใหม่ให้แข็งแกร่งกว่าเดิม"

นี่คือเรื่องราวของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมที่เกิดจากความฝัน ฟื้นจากโศกนาฏกรรม และก้าวขึ้นมาเป็นตำนานที่ไม่มีวันลืมเลือน

Post a Comment

أحدث أقدم