ประวัติความเป็นมาของสโมสรฟุตบอลเชลซี
ชื่อเต็ม : Chelsea Football Club
ฉายา : เดอะ บลูส์ / สิงห์บลูส์ , สิงโตน้ำเงินคราม (ในไทย)
ก่อตั้ง : ค.ศ. 1905
สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์ (ความจุ: 41,837 ที่นั่ง)
เจ้าของ : กลุ่มทุนของทอดด์ โบห์ลี
ประธาน : ท็อดด์ โบห์ลี่
ผู้จัดการทีม : เอนโซ มาเรสกา
    สโมสรฟุตบอลเชลซี (Chelsea Football Club) เป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศอังกฤษและในระดับโลก ก่อตั้งขึ้นในปี 1905 และมีสถานที่ตั้งอยู่ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ (Stamford Bridge) ในกรุงลอนดอน เชลซีเป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ และเป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในทีมที่มีฐานแฟนคลับที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ฉายา : เดอะ บลูส์ / สิงห์บลูส์ , สิงโตน้ำเงินคราม (ในไทย)
ก่อตั้ง : ค.ศ. 1905
สนาม : สแตมฟอร์ด บริดจ์ (ความจุ: 41,837 ที่นั่ง)
เจ้าของ : กลุ่มทุนของทอดด์ โบห์ลี
ประธาน : ท็อดด์ โบห์ลี่
ผู้จัดการทีม : เอนโซ มาเรสกา
การก่อตั้งและช่วงเริ่มต้น (1905-1940s)
สโมสรฟุตบอลเชลซีถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1905 โดย โจเซฟ แมทเทอวสัน (Joseph Mears) ซึ่งเป็นนักธุรกิจจากลอนดอนที่ต้องการสร้างสโมสรฟุตบอลใหม่ในย่านเชลซี สโมสรเริ่มต้นด้วยการเล่นในสนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเชลซีของกรุงลอนดอน และเป็นสนามที่ยังคงเป็นที่ตั้งของทีมมาจนถึงปัจจุบัน
ในช่วงแรก เชลซีประสบความสำเร็จในระดับที่พอสมควร แต่ทีมยังไม่สามารถคว้าแชมป์ใหญ่ได้ในช่วงต้นของศตวรรษที่ 20 อย่างไรก็ตาม สโมสรสามารถเข้าร่วมในลีกดิวิชั่น 1 ได้ในปี 1905 และเริ่มมีการเติบโตในวงการฟุตบอลอังกฤษ
ยุคในช่วง 1950s-1970s
ช่วงทศวรรษ 1950 และ 1960 เชลซีเริ่มมีการเติบโตขึ้นในด้านการคว้าแชมป์ โดยสามารถคว้า แชมป์ลีก ได้ในปี 1955 ซึ่งเป็นแชมป์ลีกครั้งแรกของสโมสร และในปี 1965 เชลซีก็สามารถคว้า เอฟเอ คัพ มาครองได้อีกหนึ่งรายการ
ในช่วงทศวรรษ 1970 ทีมได้ประสบความสำเร็จใน ยูโรเปียนคัพวินเนอร์สคัพ (European Cup Winners' Cup) โดยคว้าแชมป์ในปี 1971 และ 1998 ซึ่งทำให้เชลซีเริ่มเป็นทีมที่ได้รับการยอมรับในเวทีฟุตบอลยุโรป
การเปลี่ยนแปลงและยุคสมัยใหม่ (1990s-2000s)
เชลซีประสบความสำเร็จในช่วงปี 1990s เมื่อ รัฟเฟล เบนิตซ์ (Rafael Benítez) เข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมในปี 2003 สโมสรได้รับการสนับสนุนจากนักธุรกิจชาวรัสเซีย โรมัน อับราโมวิช (Roman Abramovich) ที่เข้ามาซื้อกิจการของทีมและทุ่มทุนในการซื้อผู้เล่นชั้นนำระดับโลกให้กับสโมสร
การเข้ามาของอับราโมวิชทำให้เชลซีสามารถซื้อผู้เล่นระดับโลกอย่าง ดีดิเยร์ ดร็อกบา (Didier Drogba), แฟรงค์ แลมพาร์ด (Frank Lampard), จอห์น เทอร์รี (John Terry) และ ปีเตอร์ เช็ก (Petr Čech) ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการนำสโมสรไปสู่ความสำเร็จมากมายในช่วงปี 2000s
ความสำเร็จในยุโรป (2000s-2010s)
ในปี 2005 เชลซีคว้า แชมป์พรีเมียร์ลีก ในรอบ 50 ปี หลังจากที่ได้ โชเซ่ มูรินโญ่ (José Mourinho) มาเป็นผู้จัดการทีม ชัยชนะในพรีเมียร์ลีกทำให้เชลซีได้รับการยอมรับในฐานะทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในอังกฤษในช่วงเวลานั้น
เชลซีประสบความสำเร็จในเวทียุโรปครั้งสำคัญในปี 2012 เมื่อสามารถคว้า ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก (UEFA Champions League) ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรได้สำเร็จ โดยเอาชนะ บาเยิร์น มิวนิค (Bayern Munich) ในรอบชิงชนะเลิศในปี 2012 โดยเกมนัดชิงชนะเลิศนั้นจบลงด้วยผลเสมอ 1-1 และเชลซีชนะในการดวลจุดโทษ
นอกจากนี้ เชลซียังคว้า ยูโรปาลีก (Europa League) มาอีกสองครั้งในปี 2013 และ 2019 รวมทั้ง เอฟเอ คัพ อีกหลายสมัย
เชลซีเป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษและยุโรป ทีมมีเกียรติประวัติที่เต็มไปด้วยความสำเร็จทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ โดยเฉพาะการคว้าแชมป์ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ครั้งแรกในปี 2012 ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร
เชลซียังคงเป็นทีมที่มีฐานแฟนคลับที่แข็งแกร่งและมีความนิยมสูงในทั่วโลก โดยสโมสรยังคงแข่งขันในระดับสูงของฟุตบอลอังกฤษและยุโรปในปัจจุบัน
ตราสโมสรฟุตบอลเชลซี (Chelsea Football Club Logo)
ตราสโมสรฟุตบอลเชลซีมีการออกแบบที่สื่อถึงความภาคภูมิใจและประวัติศาสตร์ของทีม โดยมีองค์ประกอบหลักที่สำคัญดังนี้
- โลโก้สีฟ้า – ตราของเชลซีใช้สีฟ้าเป็นสีหลัก ซึ่งเป็นสีที่สื่อถึงสโมสรและย่านเชลซีในกรุงลอนดอน ซึ่งในอดีตสีฟ้าเป็นสัญลักษณ์ของสโมสรตั้งแต่การก่อตั้ง
 - สัญลักษณ์ "สิงโต" – ในตราสโมสรจะมีสัญลักษณ์ของ "สิงโต" (Lion) ที่ยืนอยู่บนสองขาของมัน โดยถือไม้เท้าทองคำ ซึ่งสิงโตเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งและอำนาจ เป็นการสื่อถึงความทุ่มเทและชัยชนะของทีม
 - วงกลมและคำว่า "Chelsea Football Club" – รอบโลโก้มีการใส่คำว่า "Chelsea Football Club" เพื่อแสดงถึงชื่อเต็มของสโมสร ซึ่งมีการระบุไว้ในวงกลมของตรา
 
โลโก้ของเชลซีได้รับการออกแบบหลายครั้งตลอดประวัติศาสตร์ของสโมสร โดยการเปลี่ยนแปลงล่าสุดเกิดขึ้นในปี 2005 ซึ่งเป็นการทำให้ตราของเชลซีดูทันสมัยขึ้น แต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์เดิมไว้
สีของสโมสรฟุตบอลเชลซี
เชลซีใช้ สีฟ้า (Blue) เป็นสีหลักของสโมสร ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญและคุ้นเคยกันดีของแฟนฟุตบอลทั่วโลก โดยสีฟ้านี้ถูกใช้ทั้งในชุดแข่งขันและในตราสโมสร
- สีฟ้า (Royal Blue): เป็นสีที่สื่อถึงความแข็งแกร่งและการเป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอังกฤษและยุโรป
 - สีขาว: มักปรากฏในรายละเอียดของเสื้อ เช่น ตัวอักษรชื่อสโมสรหรือขอบเสื้อ
 - สีทอง: มักใช้ในรายละเอียดของตราสโมสรและในบางชุดแข่งขันเพื่อเพิ่มความหรูหรา
 
สีฟ้าเป็นสัญลักษณ์ที่แฟนบอลเชลซีจดจำได้ดี และถือเป็นสีที่เต็มไปด้วยความหมายในวงการฟุตบอล โดยเฉพาะในทีมเชลซีที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและความสำเร็จมากมาย
สนามของสโมสรฟุตบอลเชลซี: สแตมฟอร์ด บริดจ์ (Stamford Bridge)
สแตมฟอร์ด บริดจ์ (Stamford Bridge) เป็นสนามเหย้าของสโมสรฟุตบอลเชลซี ตั้งอยู่ในย่านเชลซีของกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ สนามแห่งนี้เป็นที่ตั้งของเชลซีมาตั้งแต่การก่อตั้งสโมสรในปี 1905 และยังคงเป็นบ้านของทีมมาจนถึงปัจจุบัน สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ตั้งอยู่ในย่านเชลซีของลอนดอน สนามมีความจุประมาณ 40,000 ที่นั่ง ซึ่งทำให้เป็นสนามฟุตบอลขนาดกลางในอังกฤษ
สแตมฟอร์ด บริดจ์ คือสนามเหย้าที่มีความสำคัญและเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์สโมสรฟุตบอลเชลซี สนามแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่สำหรับการแข่งขันฟุตบอลเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ที่แฟนบอลของเชลซีหลายล้านคนมีความผูกพันและความรักให้กับสโมสร

.png)
.png)
.png)
.png)
إرسال تعليق